“หมอสมศรี” ส่งจดหมายถึงพรรคการเมืองให้รู้ทันนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า

“หมอสมศรี” ส่งจดหมายถึงพรรคการเมืองให้รู้ทันนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า

“หมอสมศรี” ประธานสมาพันธ์แห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงพรรคการเมือง ขอให้รู้ทันนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าจากล็อบบี้ยิสต์ บ.บุหรี่ข้ามชาติ 971 องค์กรสุขภาพ ผนึกกำลัง ฟันธงบุหรี่ไฟฟ้ามีโทษมากกว่าดี วิกฤตหลายประเทศทั่วโลก ชัดเจนทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น แถมไม่ช่วยเลิกสูบได้สำเร็จ

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2565 ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า จากกรณีที่มีการเคลื่อนไหวของเครือข่ายที่ผลักดันให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎหมายห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าได้ส่งหนังสือถึงหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ในไทย ขอเข้าพบเพื่อเสนอนโยบายลดอันตรายจากยาสูบ (Tobacco harm reduction) ให้พิจารณารับเป็นนโยบายในการหาเสียงในวาระที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2566 นี้ โดยอ้างว่า เพื่อให้ผู้สูบบุหรี่ไทยมีทางเลือกที่จะสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา ซึ่งข้อเท็จจริงแล้วเป็นการให้คนที่สูบบุหรี่อยู่แล้วเปลี่ยนมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า ถือว่าไม่เข้าข่ายการลดอันตรายจากการสูบบุหรี่

ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี กล่าวต่อว่า สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติฯ ที่มีสมาชิกประเภทบุคคล 9,823 ราย และสมาชิกประเภทองค์กร 971 องค์กร ทั้งด้านสุขภาพและวงการอื่นๆ ทั่วประเทศ ที่ทำกิจกรรมรณรงค์ไม่สูบบุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ขอให้ข้อเท็จจริง 1.คนที่เปลี่ยนจากสูบบุหรี่ธรรมดามาสูบบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนใหญ่ยังคงสูบบุหรี่ธรรมดาต่อไป ผู้สูบจะได้รับอันตรายมากกว่าสูบเพียงบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว 2.คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน แต่เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอย่างแรกที่เรียกว่านักสูบหน้าใหม่ ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน มีความเสี่ยงที่จะเสพติดนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าไปตลอดชีวิต และเสี่ยงที่จะพัฒนาไปสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 2-4 เท่า ซึ่งกำลังเป็นวิกฤตระบาดหนักในประเทศที่อนุญาตให้มีบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

“การพิจารณาผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า ต้องพิจารณาทั้งผลที่จะเกิดกับคนที่สูบบุหรี่อยู่แล้ว ซึ่งยังสรุปไม่ได้ว่ามีแต่ผลดี และผลที่จะเกิดต่อคนที่ไม่สูบบุหรี่ที่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งชัดเจนว่า หากไทยยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทั้งในบริบทของการระบาดและการควบคุมยาสูบของไทย ทางสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติฯ ยินดีที่จะเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลแก่พรรคการเมืองที่สนใจเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อประกอบการกำหนดนโยบายของพรรคในการหาเสียง และในการบริหารประเทศในโอกาสต่อไป” ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี กล่าว

ด้านศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ตามหลักวิชาการการลดอันตรายจากบุหรี่ ต้องพิจารณาทั้งผลดีและผลเสียต่อประชากรในภาพรวม ในกรณีนี้คือผลกระทบต่อทั้งคนที่สูบบุหรี่ธรรมดาอยู่แล้วและคนที่ไม่สูบบุหรี่ มีตัวอย่างการลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติดที่เป็นรูปธรรมชัดเจนคือ การใช้ยาเมทาโดนทดแทน (Methadone maintenance) ซึ่งใช้รักษาคนที่เสพติดเฮโรอีน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของบุคลากรสาธารณสุข แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ กลับทำให้เกิดผลตรงข้ามคือ ทำให้คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งเป็นปัญหาวิกฤตในกลายประเทศในขณะนี้

“เครือข่ายที่ผลักดันให้ยกเลิกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าในไทย เป็นสมาชิกขององค์กรผู้บริโภคนิโคตินนานาชาติ (International Network of Nicotine Consumer Organizations) ที่รับทุนจากมูลนิธิเพื่อโลกปลอดควันบุหรี่ (Foundation for a Smoke-Free World) ซึ่งได้รับทุนจากบริษัทบุหรี่ข้ามชาติฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดใหม่ๆ รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า บริษัทข้ามชาตินี้มีบริษัทลูกที่ขายบุหรี่ซิกาแรตในไทย” ศ.นพ.รณชัย กล่าว

Credit : https://www.hfocus.org/content/2022/12/26691


พิมพ์